วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

กรณีศึกษา: ระบบสนับสนุนการปฏิบัติการบินของการบินไทยบนเทคโนโลยี.NET

1. ประโยชน์ที่การบินไทยได้รับจากการใช้ระบบ OPAL มีอะไรบ้าง
ตอบ 1. สามารถวางแผน ติดตาม และควบคุมการจัดเที่ยวบินแต่ละลำให้เป็นไปตามตารางการบินและตารางการซ่อมบำรุง
2. อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ ลูกค้าที่ใช้บริการของการบินไทย
3. ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
4. ลดข้อผิดพลาดในการจัดตารางการบิน
5. มีความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า
2. ท่านคิดว่าการพัฒนาระบบ OPAL มีข้อจำกัดหรือปัญหาหรือไม่
ตอบ 1. ต้องมีการพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพตรงกับการใช้งานและประเมินผลการดำเนินงานระบบอยู่เสมอ
2. ระบบมีขอบเขตการใช้งานในตระกูลของ .NET เท่านั้น
3. ถ้า Sever เกิดข้อผิดพลาด จะทำให้ไม่สามารถทำงานได้ทั้งระบบ หรือ ทำให้ระบบเปลี่ยนแปลง ก่อให้เกิดความเสียหายในองค์กร

กรณีศึกษา บทที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานร้านไอศกรีม Iberry

1. ประโยชน์ที่ร้านไอศรีม Iberry นำไอทีเข้ามาช่วยการบริหารงาน นอกจากการแก้ปัญหาข้างต้นแล้วท่านคิดว่าทางร้านยังได้รับประโยชน์ใดได้บ้าง ?
1.ทำให้ไม่สูญเสียรายได้ที่ต้องเสียไปกับไอศกรีมที่เสียหาย
2.
ป้องกันการทุจริตของพนักงานขาย
3.
สามารถทราบได้ว่าไอศกรีมรสชาติใดขายได้มากที่สุดและรสชาติใดได้น้อยที่สุดเพื่อที่จะได้ทำการส่งเสริมการขายได้อย่างถูกต้อง
4.
สามารถควบคุมและดูแลสาขายย่อยต่างๆ ให้มีมาตรฐานในการบริการและคุณภาพของสินค้าที่เท่าเทียมกัน
5.
จัดระบบการทำงานของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น

2. ท่านคิดว่าในอนาคตร้านไอศครีม Iberry สามารถนำไอทีเข้ามาช่วยงานด้านใดอีกได้บ้าง?

- ในด้านการส่งเสริมการขาย อาจมีการโฆษณาผ่านทาง Internet
-
ด้านการบริการลูกค้า อาจจัดทำระบบสมาชิกเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้า และการบริการ Deliveryแม่นยำ และจะช่วยลดเวลาในการหา ตำแหน่งจัดทำระบบ Franchise เพื่อขยายธุรกิจ และนำระบบ GPRS เข้ามาช่วยระบบจัดส่ง อีกด้วย- ช่วยในด้านการลงเวลางานของพนักงานให้ถูกต้องและรวดเร็ว

3. จากแนวคิดการนำไอทีมาใช้แก้ปัญหาของผู้บริหารร้านไอศครีม Iberry นั้น ท่านคิดว่าสามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจใดได้บ้าง จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ?
ธุรกิจ หอพัก หรือสถานที่ให้เช่าที่พักต่างๆ

- สามารถใช้ระบบเซนเซอร์เพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า เมื่อแรงดันกระแสไฟฟ้าลดลางจนถึงจุดที่กำหนด ระบบไฟฟ้าสำรองจะทำงาน
-
สามารถใช้กล้องวงจรปิดที่ติดตั้ง เพื่อป้องกันและบันทึกเหตุการณ์ร้ายต่างๆ และตรวจจับพฤติกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดคิด
-
สามารถนำซอฟแวร์มาประยุกต์ใช้ในการคิดค่าเช่า รวมไปถึงค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้าและประปา รวมไปถึงค่าบริการเสริมต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา2

คำถาม
1.  ประโยชน์ที่จะได้จากการนำพีดีเอ มาใช้ในธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวมีอะไรบ้าง
2.  ท่านคิดว่ามีข้อจำกัดหรือปัญหาอะไรบ้างในการนำเทคโนโลยีพีดีเอมาใช้ในธุรกิจนี้
3. ธุรกิจใดบ้างที่สามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ จงอธิบาย


1.                                       ซึ่งมันจะสามารถเป็นการนำความสะดวกให้กับพักงานและลูกค้า และบางทีอาจทำให้ลูกค้าติดใจในความสะดวกของร้านเราอีกด้วย สะดวกในการคิดราคา และเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าในทุกๆด้าน และจะทำให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงานที่ไม่มีความยุ่งยาก และลดปัญหาที่จะเกิดกับลูกค้า เช่น ทะเลาะกับลูกค้าเรื่อง เมนูอาหารไม่ตรงตามที่สั่ง เพราะถ้าใช้วิธีธรรมดา บางครั้งอาจจะจดไม่ทัน และในปัจจุบันสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็คือ ความรวดเร็วของการสั่งอาหาร เพราะบางท่านอาจจะหิวมาก และจะได้ประหยัดเวลาที่ผู้รับออร์เดอร์จะนำไปส่งในครัว แต่กลับนำเวลาตรงนั้นมาไปดูแลลูกค้าโต๊ะต่อไปยังดีเสียกว่า
2.                                       ในสิ่งแรกข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย เพราะในการติดตั้งนั้นจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงเพราะบางร้านจะมีจำนวนพนักงานบริการเยอะมาก และควรป้องกันข้อผิดพลาดให้เป็นอย่างดี เช่นในขณะที่ลูกค้าสั่งอาหารอยู่นั้นเครื่องพีดีเอก็เกิดเสียกะทันหัน อาจทำให้ลูกค้าไม่พึงพอใจในร้านเราได้ และก่อนเปิดร้านทุกครั้งควรเช็คเครื่องให้ดีเสียก่อนหรือไม่ทางร้านก็ควรจัดเครื่องสำรองไว้บ้าง และถ้าหากเป็นร้านอาหารขนาดเล็กก็ไม่ควรที่จะใช้เครื่องพีดีเอ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จากการพบเห็นส่วนใหญ่ร้านอาหารที่ใช้เครื่องพีดีเอนั้นจะเป็นจำพวกร้านอาหารระดับห้าดาว หรือไม่ก็ในโรงแรมที่หรูมากๆที่จะใช้กัน ส่วนในบ้านเราก็จะไม่ค่อยพบเห็นหรอก
3.                                       ข้าพเจ้าคิดว่าที่เหมาะสมที่สุดก็น่าจะเป็นร้านอาหารนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดไหนที่มีลูกค้าในแต่ละวันจำนวนมาก อย่างเช่น ในจำพวกโรงแรมระดับห้าดาว หรือร้านอาหารที่อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว เพราะจะมีผู้คนมากมาย


คำถามท้ายบท

2. ถ้านักศึกษาเป็นผู้จัดการกับคอมพิวเตอร์และ
ต้องการให้คำแนะนำในการจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในสำนักงาน นักศึกษาจะแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ประเภทใดระบุเหตุผลประกอบ
Note book
        เพราะจะมีขนาดเล็กสามารถพกพาไปไหนได้อย่างสะดวก และไม่ยุ่งยาก ซึ่งถ้าหากจะใช้ในสำนักงานแล้วมีการออกนอกพื้นที่เราก็สามารถที่จะทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และในปัจจุบันเราจะพบได้ว่าแต่ละสำนักงานส่วนใหญ่จะใช้โน้ตบุ๊กมากกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดาเสียอีก เพราะจะทำให้สะดวกในหลายๆด้าน อย่างเช่นเวลาเสียก็นำไปซ่อมได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง จึงเป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานของภาครัฐหรือเอกชน

3. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
-ภาษาเครื่อง Machine Language
 ความหมายภาษาเครื่อง
        หมายถึง ภาษาคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำให้เครื่องรับรู้และเข้าใจได้ เขียนโดยใช้รหัสเลขฐานสองเป็นหลัก (ฉะนั้น จะมีแต่เลข 0 กับ 1 เท่านั้น) คำสั่งแต่ละคำสั่งจะหมายถึงการทำงานอย่างหนึ่ง แต่ละโปรแกรมจึงจะยาวค่อนข้างมาก ผู้ที่เริ่มต้นเรียนคอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ ไม่ควรเรียนการเขียนโปรแกรมด้วยภาษานี้เลย เพราะอาจจะทำให้หมดกำลังใจไปเลย อาจจะพอเปรียบได้ว่า เลขฐานสองนั้นก็เหมือน ๆ กับตัวโน้ต เพลง (ภาษาดนตรีก็เข้าใจยากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาษาเครื่องนี้สักเท่าใดดอก) อย่างไรก็ตาม ก็ต้องทำความเข้าใจไว้เสมอว่า ไม่ว่าเราจะสั่งให้เครื่องทำงานด้วยโปรแกรมภาษาอะไรก็ตาม ตัวแปลโปรแกรม (compiler) ก็จะต้องทำหน้าที่แปลภาษาที่เราใช้ให้เป็นภาษาเครื่องก่อนเสมอ คอมพิวเตอร์จึงจะเข้าใจจนสามารถปฏิบัติตามคำสั่ง (execute) นั้น ๆ ได้
ภาษาเครื่อง Machine Language เป็นภาษาโปรแกรมรุ่นที่หนึ่ง (first-generation programming language: 1GL) ซึ่งเป็นภาษาเดียวที่ไมโครโพรเซสเซอร์สามารถเข้าใจ คำสั่งเป็นตัวเลขล้วนๆ การอ่านและเขียนอาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เป็นภาษาหรือคำสั่งที่ใช้ในการสั่งงานหรือติดต่อกับเครื่องโดยตรง ลักษณะสำคัญของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยรหัสของเลขฐานสองซึ่งเทียบได้กับลักษณะของสัญญาณทางไฟฟ้าเข้ากับหลักการทำงานของเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่จะทำงานตามคำสั่งได้ทันที ภาษาเครื่องจะมีกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ค่อนข้างจำกัดโปรแกรมมีลักษณะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน รหัสโครงสร้างของแต่ลำคำสั่งของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ
รหัสบอกประเภทของคำสั่ง (Operation Code  หรือ Op-Code) เป็นส่วนที่บอกคำสั่งให้เครื่องทำการประมวลผล เช่น ให้ทำการบวก ลบ คูณ หาร หรือเปรียบเทียบ
รหัสบอกตำแหน่งข้อมูล (Operand)  เป็นส่วนที่บอกว่าข้อมูลที่จะนำมาประมวลผลนั้นเก็บอยู่ในตำแหน่ง(Address)ใดของหน่วยความจำ
ลักษณะของโปรแกรมจะประกอบด้วยกลุ่มของรหัสคำสั่งซึ่งประกอบด้วยเลขฐานสองเรียงต่อกัน ซึ่งผู้เขียนโปรแกรมจะต้องทราบเทคนิคการใช้รหัสคำสั่งและจะต้องจำตำแหน่งของคำสั่งและข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ เพราะเนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละบริษัทจะใช้ภาษาเครื่องของตนเอง และผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดี
           ดังนั้นการเขียนโปรแกรมเป็นภาษาเครื่องจึงมีผู้เขียนอยู่ในวงจำกัด เพราะต้องมีความรู้ทางด้านเครื่องและรหัสของเครื่องจึงจะเขียนโปรแกรมได้ ภาษาเครื่องของคอมพิวเตอร์แต่ละระบบจะแตกต่างกัน
ทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบใหม่
ก็จะต้องเขียนโปรแกรมใหม่
ข้อดี ของภาษาเครื่อง
1.เมื่อคำสั่งเข้าสู่เครื่องจะสามารถทำงานได้ทันที
2.สามารถสร้างคำสั่งใหม่ ๆ ได้ โดยที่ภาษาอื่นทำไม่ได้
3.ต้องการหน่วยความจำเพียงเล็กน้อย
ข้อเสียของภาษาเครื่อง
1.ต้องเขียนโปรแกรมคำสั่งยาวทำให้ผิดพลาดได้ง่าย
2.ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องรู้ระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดีจึง
สามารถ เขียนโปรแกรมได้ และถ้าเครื่องที่มีฮาร์ดแวร์ต่างกัน
จะใช้โปรแกรมร่วมกัน ไม่ได้


 -ภาษาเอสแซมบลี Assembly Language
ภาษาแอสเซมบลี (อังกฤษ: Assembly Language) หมายถึง ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่งซึ่งจะทำงานโดยขึ้นกับรุ่นของไมโครโพรเซสเซอร์ หรือ "หน่วยประมวลผล" (CPU) ของเครื่องคอมพิวเตอร์การใช้ภาษาแอสเซมบลีจำเป็นต้องผ่านการแปลภาษาด้วยคอมไพเลอร์เฉพาะเรียกว่า แอสเซมเบลอร์ (assembler) ให้อยู่ในรูปของรหัสคำสั่งก่อน (เช่น .OBJ) โดยปกติ ภาษานี้ค่อนข้างมีความยุ่งยากในการใช้งาน และการเขียนโปรแกรมเป็นจำนวนบรรทัดมากมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ภาษาระดับสูง เช่น ภาษา C หรือภาษา BASIC แต่จะทำให้ได้ผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรมเร็วกว่า และขนาดของตัวโปรแกรมมีขนาดเนื้อที่น้อยกว่าโปรแกรมที่สร้างจากภาษาอื่นมาก จึงนิยมใช้ภาษานี้เมื่อต้องการประหยัดเวลาทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมเนื่องจากตัวคำสั่งภายในภาษาอ้างอิงเฉพาะกับรุ่นของหน่วยประมวลผล ดังนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปใช้กับหน่วยประมวลผลอื่นหรือระบบอื่น (เช่น หน่วยประมวลผล x86 ไม่เหมือนกับ z80) จะต้องมีการปรับแก้ตัวคำสั่งภายในซึ่งบางครั้งอาจไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์
-ภาษาระดับสูง High-Language
หมายถึง ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมที่ผู้เขียนไม่จำเป็นต้องรู้ถึงโครงสร้างภายในของเครื่องแต่อย่างใด ภาษาระดับสูงมีอยู่ด้วยกันหลายภาษา เช่น ภาษาซี (C) ภาษาเบสิก (BASIC) และภาษาปาสกาล (PASCAL) เป็นต้น ตรงข้ามกับภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ซึ่งเรียกกันว่าเป็นภาษาระดับต่ำ ผู้เขียนจะต้องรู้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เสียก่อน จึงจะเขียนโปรแกรมเป็นภาษานั้นได้ อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์จะยังไม่สามารถเข้าใจภาษาระดับสูงนี้ได้ แต่จะต้องใช้ตัวแปล (compiler) จัดการแปลเสียก่อน จึงจะปฏิบัติตามคำสั่งได้ ดู computer language ประกอบ